โรคกาฬโรค




โรคกาฬโรคเป็นโรคติดต่อเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Yersinia pestis เกิดจากหมัดหนูที่มีเชื้อกัด เมื่อมีการระบาดของโรคหนูจะตายก่อน หมัดหนูจะกระโดดมายังสัตว์อื่น และกัดทำให้เกิดโรคขึ้นมา การดูแลเรื่องความสะอาด และควบคุมการแพร่พันธ์ของหนูทำให้โรคนี้มีการระบาดน้อยลง
ในอดีตที่ผ่านมามีการระบาดใหญ่ของกาฬโรคสามครั้งที่ตะวันออกกลาง ถึงเมอร์ดิเตอร์เรเนียนในช่วงปีศตวรรษที่5-6 ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณร้อยละ 50 ครั้งที่สองระบาดที่ยุโรปศตวรรษที่8-14 มีผู้เสียชีวิตร้อยละ 40 ครั้งสุดท้ายระบาดที่ประเทศจีนปี 1855

อาการของโรคกาฬโรคเป็นอย่างไร
โรคกาฬโรคแบ่งออกตามกลุ่มอาการได้สามแบบคือ
Bubonic plague เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด อาการจะแสดงออกหลังจากถูกหมัดหนูกัดแล้ว 2-8 วัน เชื้อโรคจะเคลื่อนไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ใกล้ที่สุด จะทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตขนาด 1-10 ซม ลักษณะต่อมน้ำเหลืองจะ บวม แดง กดเจ็บ ซึ่งอาจจะปวดมากจนขยับแขนหรือขาไม่ได้ ตำแหน่งที่เกิดมักจะเป็นบริเวณขาหนีบ หรือรักแร้อาการที่สำคัญได้แก่

*ต่อมน้ำเหลืองโต กดเจ็บ แดง
*ไข้สูงหนาวสั่น
*ปวดศีรษะ
*ปวดกล้ามเนื้อ

-Septicemic plague เป็นชนิดที่เชื้อเข้ากระแสเลือด ภาวะนี้มักจะเป็นโรคแทรกซ้อนจากชนิดต่อมน้ำเหลืองอักเสบ อาการที่สำคัญได้แก่
*ไข้สูง หนาวสั่น
*ปวดท้อง คลื่นไส้ และท้องเสีย
*เลือดออกในปาก จมูก ก้น
*เกิดภาวะช็อก shock
*มักจะมีการเน่าของนิ้วที่เกิดจากการขาดเลือด

-Pneumonic plague เป็นชนิดที่พบได้น้อยที่สุด เกิดจากการที่เราสูดเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศ เป็นชนิดที่รุนแรงและอาจจะเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว อาการที่สำคัญ
*ไข้สูง
*อ่อนแรง
*ไอ มีเสมหะ เหนื่อย เจ็บหน้าอก
*คลื่นไส้อาเจียน

การรักษา
-เมื่อสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้จะต้องแยกผู้ป่วยออกจากคนอื่น และแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ทราบ
-รีบทำการเพาะเชื้อจากเลือด และหนองที่ต่อมน้ำเหลือง
-ให้ยาปฏิชีวนะก่อนที่จะทราบผลเพาะเชื้อ
-สำหรับผู้ที่สำผัสกับผู้ป่วยจะต้องกักตัวไว้สังเกตอาการ และให้ยาปฏิชีวนะป้องกัน

เมื่อไรจะสงสัยว่าเป็นโรคกาฬโรค
-สัมผัสกับสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระต่าย กระรอก แมวที่คิดว่าเสียชีวิตจากโรคนี้
-ถูกหมัดหนุกัด
-อยู่ในพื้นที่มีการระบาดของโรค
-สัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ หรือคนที่ป่วยเป็นกาฬโรคปอด
-ท่องเที่ยวไปในพื้นที่ที่มีการระบาด

สาเหตุของโรค
เกิดจากหมัดหนู ที่มีเชื้อโรคนี้กัดและปล่อยเชื้อเข้าสู่ผู้ที่ถูกกัด

การติดต่อ
เชื้อนี้สามารถแพร่จากสัตว์ไปสู่สัตว์ หรือจากสัตว์ไปสู่คนได้โดยการติดต่อโดยการที่หมัดหนูมีเชื้อโรคกัดคน นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อทางหายใจจากคนหรือสัตว์ที่ป่วยเป็นกาฬโรคปอด

ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ
-การระบาดมักจะเกิดในที่แออัด และสุขอนามัยไม่ดี มีหนู้หรือขยะมาก
-มักจะระบาดในช่วงพฤษภาคมถึงตุลาคมเนื่องจากหนูในช่วงนี้จะขยันออกหาอาหาร และคนออกนอกบ้านกันมาก
-การสัมผัสกับสัตว์ที่เป็นโรค เช่น หนู กระแต กระรอก หรือแมว

โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
-นิ้วมือนิ้วเท้าเน่าจากการขาดเลือดเนื่องจากลิ่มเลือดอุดตัน 
-เกิดภาวะช็อกอย่ารุนแรง
-เกิดปอดบวมและหายใจล้มเหลว
-เกิดโลหิตเป็นพิษ
-เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
-เสียชีวิต

การรักษา
หากแพทย์สงสัยว่าคุณเป็นกาฬโรคแพทย์จะรับตัวไว้ในห้องแยกโรค และให้ยาปฏิชีวนะอย่างแรงประมาณ 7- 10 วัน

การป้องกัน
โรคนี้ไม่มีวัคซีน แต่การให้ยาสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ หากคุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคดังนี้
-ใกล้ชิดกับคนป่วยหรือสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคนี้
-ถูกหมัดกัดในพื้นที่มีการระบาดของโรค
-เมื่อคุณเดินทางเข้าหล่งระบาด
การป้องกันอื่นๆ
  การปรับสิ่งแวดล้อม
การปรับปรุงสิ่งแวดล้อมจะช่วยไม่ให้คนถูกหมัดหนูกัด การปรับที่สำคัญได้แก่
-มีแหล่งที่ทิ้งขยะและมีฝาปิดมิดชิด และมีระบบทำลายขยะ ไม่มีการกองขยะซึ่งเป็นแหล่งอาหารของหนู
-หนูมักจะพักตามตลาดสด จะต้องไม่ทิ้งขยะ และกำจัดแหล่งที่พักของหนู
-ไม่สัมผัสสัตว์ป่วยหรือสัตว์ตาย หากจำเป็นให้สวมถุงมือยาว
-กำจัดหนู กำจัดแหน่งที่พักของหนู ทิ้งขยะให้เรียบร้อย
-หากมีสัตว์เลี้ยงต้องใช้ยาฆ่าหมัดเป็นระยะ
-ระวังเด็ก หรือผู้ใหญ่เมื่อออกนอกบ้านโดยเฉพาะในแหล่งที่มีการระบาดไม่ใกล้ชิดกับสัตว์ฟันแทะทั้งหลาย และทายากันหวัด

  การให้ความรู้ประชาชน
-ชุมชนต้องร่วมมือในระบบการดูแลสิ่งแวดล้อม กำจัดแหล่งอาหารและที่พักของหนูรอบบ้านหรือที่ทำงาน กำจัดพุ่มไม้ กองหิน กองฟืน อาหารของสัตว์เลี้ยงต้องเก็บให้ดี
-เมื่อต้องเข้าไปในแหล่งระบาดให้ฉีดสารเมีป้องกันหมัดที่เสื้อ และสวมถุงมือเมื่อต้องสัมผัสสัตว์ตาย
-หากท่านอาศัยในถิ่นระบาด สัตว์เลี้ยงของท่านต้องได้รับยาฆ่าหมัด
-พ่นยาฆ่าหมัดหนูในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค
-วิธีการจัดการกับอุจาระหรือรังหนู
   *ปล่อยให้อากาศถ่ายเทก่อนเข้าไปทำความสะอาด
   *ฉีดยาฆ่าหมัดหนูก่อนทำความสะอาด
   *เก็บขยะ ขี้หนูใส่ถงและนำไปทำลาย
   *ไม่กวาด หรือดูดฝุ่น ต้องทำให้บริเวณดังกล่าวชื้นเพื่อป้องกันการพุ้งกระจาย
   *ใส่ถุงมือขณะทำความสะอาด และล้างมือเมื่อเสร็จงาน


แสดงความคิดเห็น