อหิวาตกโรค เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้อย่างเฉียบพลัน ทำให้มีอาการเกิดขึ้นทันทีทันใด จะยืนยันว่าผู้ป่วยอหิวาตกโรค เมื่อผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงทางคลินิกร่วมกับ ผลการเพาะเชื้อจากอุจจาระ หรือสิ่งอาเจียนในห้องปฏิบัติการพบเชื้อ Vibrio cholerae O1 หรือ O139 (confirmed case) ซึ่งจะรายงานในแบบ รง.506 แต่ถ้าผู้ป่วยมีเพียงอาการและอาการแสดงทางคลินิก แต่ยังไม่มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะเรียก ผู้ป่วยสงสัย (Suspected case) การรายงานเพื่อควบคุมการระบาด จะรายงานทั้งผู้ป่วยที่สงสัยและผู้ป่วยที่ยืนยันเพื่อการสอบสวนและควบคุมป้องกันโรคต่อไป
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio cholerae serogroup O1,El Tor biotype ส่วน serotype มีการเปลี่ยนแปลงการระบาดกลับไปกลับมาระหว่าง Serotype Ogawa และ Inaba ส่วน Hikojima พบน้อยมาก หลังเดือนกันยายน 2543 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการระบาดของ Serotype Inaba ส่วน Classical biotype นั้นพบที่ประเทศบังคลาเทศเท่านั้น
แหล่งรังโรค
เชื้อสามารถอยู่ในลำไส้คนเท่านั้น ไม่พบว่ามีแหล่งโรคในสัตว์ชนิดอื่น แหล่งที่สำคัญคือสิ่งแวดล้อม โดยเชื้อสามารถอยู่รอดในน้ำได้เป็นปีในสภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม คือ ความเป็นกรดเป็นด่าง (PH) 8.0 อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และความเค็ม 25-30 ส่วนใน 1,000 โดยเชื้ออาจจับกับแพลงตอน หรือสาหร่ายสีเขียวในบริเวณน้ำกร่อย
การติดต่อของโรค
โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อที่ออกมากับอุจจาระหรือสิ่งอาเจียนของผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นพาหะ
เชื้อสามารถอยู่ในลำไส้คนเท่านั้น ไม่พบว่ามีแหล่งโรคในสัตว์ชนิดอื่น แหล่งที่สำคัญคือสิ่งแวดล้อม โดยเชื้อสามารถอยู่รอดในน้ำได้เป็นปีในสภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม คือ ความเป็นกรดเป็นด่าง (PH) 8.0 อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส และความเค็ม 25-30 ส่วนใน 1,000 โดยเชื้ออาจจับกับแพลงตอน หรือสาหร่ายสีเขียวในบริเวณน้ำกร่อย
การติดต่อของโรค
โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อที่ออกมากับอุจจาระหรือสิ่งอาเจียนของผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นพาหะ
ระยะฟักตัวของโรค
ตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง ถึง 5 วัน (เฉลี่ย 2-3 วัน)
ตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมง ถึง 5 วัน (เฉลี่ย 2-3 วัน)
ระยะติดต่อ
สามารถตรวจพบเชื้อในอุจจาระในช่วงที่มีอาการไปถึงหลังพักฟื้น 2-3 วัน สำหรับผู้เป็นพาหะของโรคอาจถ่ายทอดเชื้อได้หลายเดือน ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดระยะการติดต่อให้สั้นลง
สามารถตรวจพบเชื้อในอุจจาระในช่วงที่มีอาการไปถึงหลังพักฟื้น 2-3 วัน สำหรับผู้เป็นพาหะของโรคอาจถ่ายทอดเชื้อได้หลายเดือน ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดระยะการติดต่อให้สั้นลง
อาการและอาการแสดง
ส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย ในรายที่เป็นรุนแรงจะถ่ายอุจจาระเป็นน้ำคราวละมากๆ อุจจาระคล้ายน้ำซาวข้าว กลิ่นเหม็นคาว อาจมีอาเจียนร่วมด้วย มักไม่มีอาการปวดท้อง ถ้าไม่ได้รับการทดแทนสารน้ำและเกลือแร่อย่างเหมาะสม ก็จะมีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว เลือดมีภาวะเป็นกรด หายใจหอบ ไตวาย อาจเสียชีวิตได้ภายในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ
ส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย ในรายที่เป็นรุนแรงจะถ่ายอุจจาระเป็นน้ำคราวละมากๆ อุจจาระคล้ายน้ำซาวข้าว กลิ่นเหม็นคาว อาจมีอาเจียนร่วมด้วย มักไม่มีอาการปวดท้อง ถ้าไม่ได้รับการทดแทนสารน้ำและเกลือแร่อย่างเหมาะสม ก็จะมีภาวะขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว เลือดมีภาวะเป็นกรด หายใจหอบ ไตวาย อาจเสียชีวิตได้ภายในเวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ
คำแนะนำสำหรับประชาชน
โรคอุจจาระร่วง หรือ โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ทั้งหมดเป็นโรคที่ประชาชนสามารถป้องกันได้ด้วยการกันดูแลสุขอนามัยในการรับประทานอาหาร การเก็บอาหาร และการปรุงอาหาร รวมทั้งล้างมือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
องค์การอนามัยโลกได้กำหนดกฎทอง 10 ประการ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคอุจจาระร่วง คือ
1. เลือกอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างปลอดภัย เช่น เลือกนมที่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ ผักผลไม้ควรล้างด้วยน้ำปริมาณมากๆ ให้สะอาดทั่วถึง
2. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึงก่อนรับประทาน
3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ
4. หากมีความจำเป็นต้องเก็บอาหารที่ปรุงสุกไว้นานกว่า 4-5 ชั่วโมง ควรเก็บไว้ในตู้เย็นส่วนอาหารสำหรับทารกนั้นไม่ควรเก็บไว้ข้ามมื้อ
5. ก่อนที่จะนำอาหารมารับประทานความอุ่นให้ร้อน
6. ไม่นำอาหารที่ปรุงสุกแล้วมาปนกับอาหารดิบอีก เพราะอาหารที่สุกอาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้
7. ล้างมือให้สะอาด ไม่ว่าจะเป็นก่อนการปรุงอาหาร ก่อนรับประทาน และโดยเฉพาะหลังการเข้าห้องน้ำ
8. ดูแลความสะอาดของพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ล้างทำความสะอาดหลังการใช้ทุกครั้ง
9. เก็บอาหารให้ปลอดภัยจากแมลง หนู หรือสัตว์อื่นๆ
10. ใช้น้ำสะอาดในการปรุงอาหาร และควรระวังเป็นพิเศษในการใช้น้ำเพื่อเตรียมอาหารเด็กทารกได้
โรคอุจจาระร่วง หรือ โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ทั้งหมดเป็นโรคที่ประชาชนสามารถป้องกันได้ด้วยการกันดูแลสุขอนามัยในการรับประทานอาหาร การเก็บอาหาร และการปรุงอาหาร รวมทั้งล้างมือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
องค์การอนามัยโลกได้กำหนดกฎทอง 10 ประการ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคอุจจาระร่วง คือ
1. เลือกอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างปลอดภัย เช่น เลือกนมที่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ ผักผลไม้ควรล้างด้วยน้ำปริมาณมากๆ ให้สะอาดทั่วถึง
2. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึงก่อนรับประทาน
3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ
4. หากมีความจำเป็นต้องเก็บอาหารที่ปรุงสุกไว้นานกว่า 4-5 ชั่วโมง ควรเก็บไว้ในตู้เย็นส่วนอาหารสำหรับทารกนั้นไม่ควรเก็บไว้ข้ามมื้อ
5. ก่อนที่จะนำอาหารมารับประทานความอุ่นให้ร้อน
6. ไม่นำอาหารที่ปรุงสุกแล้วมาปนกับอาหารดิบอีก เพราะอาหารที่สุกอาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้
7. ล้างมือให้สะอาด ไม่ว่าจะเป็นก่อนการปรุงอาหาร ก่อนรับประทาน และโดยเฉพาะหลังการเข้าห้องน้ำ
8. ดูแลความสะอาดของพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ล้างทำความสะอาดหลังการใช้ทุกครั้ง
9. เก็บอาหารให้ปลอดภัยจากแมลง หนู หรือสัตว์อื่นๆ
10. ใช้น้ำสะอาดในการปรุงอาหาร และควรระวังเป็นพิเศษในการใช้น้ำเพื่อเตรียมอาหารเด็กทารกได้
กฎ 3 ข้อ ขององค์การนามัยโลก
อย่างไรก็ตามเมื่อประชาชนหรือเด็กในครอบครัวมีอาการของโรคอุจจาระร่วงก็สามารถเริ่มต้นรักษาได้ที่บ้านโดยใช้กฎ 3 ข้อ ขององค์การนามัยโลก
1. ให้สารน้ำละลายเกลือแร่โอ อาร์ เอส หรือ ของเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
2. ให้อาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือน้ำข้าว หรือแกงจืด ไม่งดอาหาร เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร
3. เมื่ออาการโรคอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์ได้แก่
- ถ่ายเป็นน้ำมากขึ้น
- อาเจียนบ่อย กินอาหารไม่ได้
- กระหายน้ำกว่าปกติ
- มีไข้สูง
- ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือปนเลือด
อย่างไรก็ตามเมื่อประชาชนหรือเด็กในครอบครัวมีอาการของโรคอุจจาระร่วงก็สามารถเริ่มต้นรักษาได้ที่บ้านโดยใช้กฎ 3 ข้อ ขององค์การนามัยโลก
1. ให้สารน้ำละลายเกลือแร่โอ อาร์ เอส หรือ ของเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
2. ให้อาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือน้ำข้าว หรือแกงจืด ไม่งดอาหาร เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร
3. เมื่ออาการโรคอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์ได้แก่
- ถ่ายเป็นน้ำมากขึ้น
- อาเจียนบ่อย กินอาหารไม่ได้
- กระหายน้ำกว่าปกติ
- มีไข้สูง
- ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือปนเลือด
วัคซีนป้องกันโรค
สำหรับวัคซีนป้องกันโรคนั้นปัจจุบันมี
1. วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงชนิดกิน
2. วัคซีนป้องกันโรคไข้ทัยฟอยด์ชนิดกิน
การให้วัคซีนใช้เฉพาะคนที่เลี่ยงต่อการเกิดโรคเท่านั้น เช่น จะเดินทางไปในพื้นที่เกิดโรคเป็นประจำ หรือสมาชิกในครอบครัวเป็นพาหะเชื้อไข้ทัยฟอยด์ ส่วนวัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงประสิทธิภาพของวัคซีน และระยะเวลาของภูมิคุ้มกันอยู่ในระยะสั้น
สำหรับวัคซีนป้องกันโรคนั้นปัจจุบันมี
1. วัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงชนิดกิน
2. วัคซีนป้องกันโรคไข้ทัยฟอยด์ชนิดกิน
การให้วัคซีนใช้เฉพาะคนที่เลี่ยงต่อการเกิดโรคเท่านั้น เช่น จะเดินทางไปในพื้นที่เกิดโรคเป็นประจำ หรือสมาชิกในครอบครัวเป็นพาหะเชื้อไข้ทัยฟอยด์ ส่วนวัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงอย่างแรงประสิทธิภาพของวัคซีน และระยะเวลาของภูมิคุ้มกันอยู่ในระยะสั้น
แสดงความคิดเห็น