มะเร็งเต้านม
(Breast
Cancer) เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในสตรีในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยพบว่า 1
ใน
8
ของผู้หญิงอเมริกาจะเกิดมะเร็งเต้านมในช่วงชีวิต
สำหรับประเทศไทยมะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับสองในสตรีรองจากมะเร็งปากมดลูก
และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ ตามความเจริญในแบบตะวันตก
สาเหตุของมะเร็งเต้านมเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน
ได้แก่
ปัจจัยทางพันธุกรรมโดยเชื่อว่ามียีนส์บางตัวที่มีการกลายพันธุ์แล้วเกิดเป็นเซลส์มะเร็ง
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
อาการการกิน และฮอร์โมนเพศหญิง
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
-อายุ
อัตราเสี่ยงของมะเร็งเต้านมจะเพิ่มขึ้นตามอายุ
ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 2
เท่าของทุก
ๆ ระยะอายุที่ เพิ่มขึ้น 10
ปี
จนกระทั่งถึงวัยหมดประจำเดือน
จากนั้นจะคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
-เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุน้อย
-หมดประจำเดือนเมื่ออายุมาก
-ไม่มีบุตร
หรือมีบุตรคนแรกเมื่ออายุมากกว่า
30
ปี
-มีแม่
พี่น้อง หรือลูก เป็นมะเร็งเต้านมก่อนอายุ
50
ปี
-การใช้ยาคุมกำเนิดตั้งแต่อายุน้อยและใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
-การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนในสตรีวัยหมดประจำเดือน
จะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าคนปกติเล็กน้อย
แต่อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่า
การรักษาด้วยฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือนมีประโยชน์มากกว่าโทษ
โดยเฉพาะลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ
และภาวะกระดูกพรุน
ลักษณะของโรค
เริ่มด้วยการมีก้อนเล็ก
ๆ ที่เต้านม มักไม่มีอาการเจ็บปวด
บวม หรืออักเสบ ก้อนจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ต่อมาอาจคลำพบก้อน
เต้านมมีรูปร่างผิดปกติ
ผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะหยาบและขรุขระ
มีการดึงรั้งของหัวนม
ในบางรายเมื่อบีบหัวนมจะมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลซึม
และเมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น
ๆ อาจพบต่อน้ำเหลืองโตหรือมีอาการปวดกระดูก
เป็นต้น
การป้องกันมะเร็งเต้านม
เนื่องจากการดำเนินของโรคมะเร็งเต้านม
ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผิดปกติในระยะเริ่มต้น
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างที่ต้องทำการตรวจค้นหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้น
การรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก
การค้นพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้
และการรักษาอาจทำได้โดยการตัดเฉพาะก้อนมะเร็งออกไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทั้งเต้านม
ในทางตรงกันข้ามหากไม่มีการตรวจค้นหามะเร็งเต้านม
รอจนกระทั่งมีอาการผิดปกติ
มะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น
ๆ แล้ว และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
การตรวจค้นหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นทำได้ดังนี้
-การตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างถูกวิธีเดือนละครั้ง
หลังหมดประจำเดือนประมาณ
1
สัปดาห์
-การตรวจเต้านมโดยแพทย์ผู้ชำนาญปีละครั้งหลังอายุ
40
ปี
-การตรวจเอกซเรย์เต้านม
(Mammogram)
ปีละครั้งหลังอายุ
40
ปี
การตรวจเอกซเรย์เต้านม
เป็นวิธีการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในวงการแพทย์
วิธีการตรวจทำได้โดยการถ่ายเอกซเรย์ผ่านเต้านมด้วยรังสีพลังงานต่ำเพื่อให้ปรากฏภาพลงบนแผ่นฟิล์ม
การตรวจต้องกดเต้านมให้แบนลงอย่างช้า
ๆ เพื่อให้มองเห็นความผิดปกติได้ดียิ่งขึ้น
และลดปริมาณรังสีที่จะได้รับและอาจมีการตรวจอัลตราซาวด์เต้านมร่วมด้วย
เพื่อนำผลการตรวจทั้งสองอย่างมาพิจารณาประกอบกัน
ทำให้การวินิจฉัยมีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น
การตรวจแมมโมแกรมควรทำเมื่อไร ในกรณีคนทั่วไปที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมควรเริ่มต้นตรวจเมื่ออายุ
35
ปี
โดยตรวจทุก 2
ปี
หลังจากอายุ 40
ปีขึ้นไป
ควรตรวจเป็นประจำทุกปีหรือตามคำแนะนำของแพทย์
สาเหตุที่ไม่นิยมตรวจในคนที่อายุน้อยกว่า
35
ปี
เนื่องจาก
-โอกาสเกิดมะเร็งเต้านมในคนอายุน้อยกวา
35
ปี
เนื่องจาก
-ลักษณะภาพเต้านมในคนอายุน้อยมักจะบดบังก้อน
-โอกาสได้รับรังสีตั้งแต่อายุน้อยเพิ่มขึ้น
ในกรณีที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม
ควรเริ่มตรวจแมมโมแกรมเร็วกว่าคนทั่วไป
5
– 10 ปี
การเตรียมตัวก่อนมาตรวจ
จะตรวจเมื่อไรก็ได้
ไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร
ไม่มีการรับประทานยาหรือฉีดยาใด
ๆ ควรมาตรวจหลังจากประจำเดือนหมดแล้ว
7
วัน
จะทำให้รู้สึกเจ็บเต้านมลดลงในขณะทำการตรวจ
และควรงดทาแป้ง ลูกกลิ้ง
หรือน้ำหอมบริเวณหน้าอกและรักแร้
-มะเร็งเต้านมพบมากเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปากมดลูก
-มะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก
ผู้ป่วยมักไม่มีอาการผิดปกติ
-มะเร็งเต้านมระยะเริ่มแรก
สามารถรักษาให้หายขาดได้
-การตรวจแมมโมแกรม
(Mammography)
เป็นการตรวจค้นหามะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้นที่ดีและมีประสิทธิภาพ
โดย
พญ.เกวลิน
บุญลอย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีวิทยาวินิจฉัย
Read more