เมื่อกล่าวถึงอาหารญี่ปุ่น
ทุกคนคงต้องนึกถึงเมนูซูชิหรือข้าวปั้นมีหน้า
เพราะเป็นเมนูยอดนิยมที่เข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านไหนก็ต้องสั่งกันมาลิ้มลอง
ซูชิ เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับวัฒนธรรมมาจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งเกิดจากความต้องการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่น สมัยก่อนซูชิของญี่ปุ่นเป็นปลาหมัก
ไม่ใช่ปลาดิบ
ต่อมาสมัยเอโดะได้เปลี่ยนมาเป็นของทะเลสดๆ
มีเครื่องเคียงเป็นขิงดอง เนื่องจากทั้งขิงดองและวาซาบิมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรค
รูปแบบของซูชิก็ถูกพัฒนาไปตามยุคสมัยต่อๆ มา
"ซูชิ"
ข้าวปั้นที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และทานคู่กับปลา เนื้อ หรือของคาวชนิดต่างๆ
หน้าซูชิที่นิยม ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาโอ ปลาทูน่า ไข่หวาน ไข่กุ้ง ไข่ปลา
ปลาหมึกยักษ์ กุ้ง สาหร่าย
ขั้นตอนในการทำซูชินั้นไม่ยาก
เริ่มจากนำข้าวญี่ปุ่นผสมกับน้ำส้มสายชูของญี่ปุ่น แล้วนำมาปั้น
หลังจากนั้นวางด้วยหน้าที่อยากทานไว้ด้านบนของข้าวปั้น แค่นี้ก็ได้ทานซูชิสมใจ
แต่หารู้ไม่ว่าในขั้นตอนการทำซูชินั้น หากผู้ปรุงไม่รักษาสุขลักษณะส่วนบุคคล
และไม่รักษาความสะอาดของสถานที่ผลิต ภาชนะ และอุปกรณ์ต่างๆ
ที่ใช้สัมผัสกับซูชิแล้ว ซูชิที่ว่าอาจมีของแถมมาด้วยนั่นคือ เชื้อ อี.โคไล
"อี.โคไล"
เป็นแบคทีเรียในกลุ่มโคลิฟอร์ม มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของสัตว์และมนุษย์
เชื้อนี้มักปนเปื้อนมากับอาหาร น้ำ หรือมือของผู้ปรุงอาหาร
ปกติเชื้อเหล่านี้อาจพบได้ในอุจจาระ หากเราทานอาหารที่มีเชื้อ อี.โคไลปนเปื้อน
เริ่มแรกจะมีอาการท้องร่วงเล็กน้อย จนกระทั่งรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และมีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว อาจมีเลือดปน มีไข้ อาเจียน
วันนี้สถาบันอาหารเอาใจคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นอีกครั้ง
ได้สุ่มเก็บตัวอย่างซูชิจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ
เพื่อนำมาวิเคราะห์การปนเปื้อนของเชื้อ อี.โคไล ปรากฏว่าพบปนเปื้อนใน 3 ตัวอย่าง
และพบว่ามีปริมาณปนเปื้อนเกินเกณฑ์มาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่กำหนดให้
อาหารพร้อมบริโภค/อาหารปรุงสุกทั่วไปพบเชื้อ อี.โคไล ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 3 MPN/กรัม
ทางที่ดีควรเลือกทานอาหารที่ปรุงสุก
และเลือกร้านอาหารที่ดูสะอาด ถูกสุขลักษณะ เพื่อความปลอดภัย
ที่มา : หนังสือพิพม์ไทยรัฐ
แสดงความคิดเห็น