โรคฉี่หนู หรือเลพโตสไปโรซิส
เรียกสั้น ๆ ว่าเลปโต หนูเป็นตัวการหลักในการแพร่เชื้อจึงทำให้เราเรียกโรคนี้ว่า “โรคฉี่หนู” แต่เชื้อโรคสาเหตุนั้นพบปนอยู่ในปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด
เช่นหนู สุนัข แมว โค แพะ แกะ กระบือ ผู้ติดเชื้อโรคนี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง
น้อยรายที่จะมีอาการรุนแรง แก้ไม่ทันอาจเสียชีวิต อาการแยกยากจากอาการไข้อื่น ๆ
แต่ในรายที่รุนแรงมักมีไข้สูง เลือดออกง่าย(คล้ายไข้เลือดออก) ตัวเหลือง ตาเหลือง
อาจมีไตอักเสบและเสียชีวิตเพราะไตวายหรือเลือดออกในปอด
โรคฉี่หนูเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะในเขตร้อนชื้นรวมทั้งประเทศไทยซึ่งถือเป็นโรคประจำถิ่น
โดยพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สาเหตุของโรคฉี่หนู และการติดต่อ
เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคฉี่หนูเป็นเชื้อแบคทีเรีย
จะแสดงอาการในช่วง 4-19 วันหลังรับเชื้อ การติดต่อสู่คนของโรคฉี่หนูเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับปัสสาวะของสัตว์ที่มีเชื้อ
หรือสัมผัสโดยอ้อมผ่านทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแหล่งน้ำขัง ที่ชื้นแฉะ
เช่นดินโคลนใกล้แหล่งน้ำ น้ำตก แม่น้ำลำคลอง หรือน้ำที่ท่วมขังอยู่หลังอุทกภัย
เชื้อก่อโรคและการติดต่อ
สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อเลปโตสไปราสายพันธุ์ก่อโรค
ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียเรียชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเกลียวบาง
โรคเลปโตสไปโรซิสเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยพาหะที่พบบ่อยที่สุดคือหนู
จึงได้ชื่อว่าโรคฉี่หนู แต่ความเป็นจริงแล้วหนูไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวที่เป็นพาหะ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบทุกชนิดมีรายงานว่าเป็นพาหะของโรคได้ เช่น สุนัข แมว โค
กระบือ และสุกร
สัตว์มักไม่แสดงอาการแต่จะมีเชื้ออาศัยอยู่ในท่อไตและถูกขับออกมาทางปัสสาวะ
เมื่อคนสัมผัสกับปัสสาวะของสัตว์ที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น
พื้นที่น้ำท่วมขัง ที่ชื้นแฉะ ดินโคลน หรือพืชผัก
เชื้อสามารถไชเข้าทางผิวหนังที่เป็นแผลหรือเปื่อยยุ่ยจากการแช่น้ำอยู่นานๆ
หรือเข้าทางเยื่อบุ เช่น ปาก ตา จมูก จากการดื่ม กิน น้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน
หรือว่ายน้ำในบริเวณที่มีการปนเปื้อน เป็นต้น ดังนั้น การระบาดของโรคส่วนใหญ่จะพบในช่วงปลายฤดูฝนต่อฤดูหนาว
ซึ่งมักมีน้ำท่วมขัง หรือเมื่อเกิดอุทกภัย เกิดภาวะน้ำท่วม
ทำให้มีโอกาสสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมสูงขึ้น
อาการของโรคฉี่หนู
ระยะฟักตัว หลังเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
จะมีระยะเวลาตั้งแต่ 3 ถึง 30 วัน เฉลี่ยประมาณ 5 ถึง 14 วัน จึงจะแสดงอาการ
ผู้ที่ได้รับเชื้ออาจมีอาการและการดำเนินโรคที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่มีอาการ
มีอาการน้อย อาการรุนแรงมาก จนถึงขั้นเสียชีวิต
เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปตามกระแสเลือดแล้วกระจายเข้าสู่อวัยวะต่างๆ
ที่สำคัญคือ ไต ตับ ปอด น้ำไขสันหลัง หัวใจ เป็นต้น
ในระยะแรกอาการส่วนใหญ่มักไม่จำเพาะ อาจคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้ออื่น เช่น
ไข้เลือดออก มาลาเรีย ไข้หวัดใหญ่ ไข้รากสาดใหญ่
ในช่วงแรกจะมีอาการไข้สูง
ปวดศีรษะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่ถ้าไม่มีน้ำมูก ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ
ก็ควรสงสัยไว้ก่อนว่าจะมีโอกาสติดโรคที่ระบาดในช่วงน้ำท่วม
นอกจากนี้ในผู้ที่มีประวัติการเดินย่ำหรือแช่น้ำท่วมขัง ร่วมกับมีอาการดังต่อไปนี้
มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคฉี่หนู ควรเร่งพบแพทย์โดยด่วน ได้แก่
ภาวะเยื่อบุตาบวมแดงเกิดขึ้นในตาทั้งสองข้างใน
3 วันแรกและนานตั้งแต่ 1-7 วัน อาจมีเลือดออกที่ตาขาวข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงมากโดยเฉพาะบริเวณน่อง
โคนขา หน้าท้อง กล้ามเนื้อหลังและมีอาการกดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
โดยเฉพาะที่น่อง
ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจพบ
จุดเลือดออกตามผิวหนัง หรือผื่นเลือดออก หรือเลือดออกใต้เยื่อบุตา
หรือมีเสมหะเป็นเลือด
ผื่น อาจจะพบได้หลายแบบ ผื่นแดงราบ
ผื่นแดง ผื่นลมพิษ
อาการเหลือง
อาการเหลืองมักเกิดวันที่4-6 ของโรค
กลุ่มที่มีอาการเหลือง
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอันตรายรุนแรง ต้องไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ระยะเฉียบพลัน อยู่ในช่วงประมาณสัปดาห์แรกของโรค
เป็นระยะที่มีเชื้อในกระแสเลือด ระยะนี้ผู้ป่วยมักมีอาการไข้สูง หนาวสั่น
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงซึ่งมักเป็นที่บริเวณน่องและหลัง ตาแดง
มีเลือดออกใต้เยื่อบุตา เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ระยะต่อมาเป็นช่วงตั้งแต่ประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของโรค มีระยะเวลาประมาณ 4 ถึง 30 วัน
เป็นระยะที่มีการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้เชื้อที่อยู่ในกระแสเลือดถูกกำจัด
และมีเชื้อออกมาทางปัสสาวะ ระยะนี้อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดต้นคอและคอแข็ง อาเจียน
ซึ่งเป็นอาการของเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีผื่น ตาอักเสบ ไตอักเสบ ตาเหลืองตัวเหลือง
มีจุดเลือดออกที่ผิวหนัง ถ้าอาการรุนแรงจะมีการทำงานของไตและตับล้มเหลว
มีเลือดที่ออกที่อวัยวะต่างๆ เช่น ในปอด ทำให้การหายใจล้มเหลว เกร็ดเลือดต่ำ
หัวใจเต้นผิดจังหวะ การไหลเวียนเลือดล้มเหลวและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
การวินิจฉัยและแนวทางการรักษา
การวินิจฉัยโรค
เนื่องจากอาการของโรคไม่จำเพาะ จำเป็นต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ในปัจจุบันวิธีการตรวจมาตรฐานเพื่อยืนยันโรคคือการตรวจหาแอนติบอดีในเลือด
สามารถทำได้เฉพาะในห้องปฏิบัติการที่มีความชำนาญเท่านั้น
การรักษา เมื่อมีไข้สูง
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะในภาวะน้ำท่วมต้องแช่น้ำอยู่เป็นเวลานาน
ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว
ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง
การรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงทีโดยเฉพาะตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก
จะทำให้หายป่วยจากโรคเกือบทั้งหมด ถ้าปล่อยให้มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นมีไตวาย
ตับวาย เลือดออกในปอด อาจทำให้เกิดทุพพลภาพตามมาหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษาโรคนี้
จะใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 5-7 วัน
หากหยุดยาก่อนกำหนดอาจทำให้การรักษาล้มเหลวและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงขึ้นได้
ต้องใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาก่อนกำหนด
การป้องกันโรคฉี่หนู
สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฉี่หนู
เช่น ผู้ประสบอุทกภัยต้องหมั่นสังเกตุอาการผิดปกติของตนเอง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรกโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีบาดแผล
หากต้องเดินย่ำน้ำที่ท่วมขังควรสวมรองเท้ายาง หลังจากการสัมผัสน้ำสกปรกควรรีบชำระล้างด้วยน้ำสบู่และเช็ดให้ผิวหนังแห้งอยู่เสมอ
และปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่มีโอกาสมีเชื้อปนเปื้อน
เช่น บริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ไม่เดินเท้าเปล่าย่ำน้ำหรือพื้นที่ชึ้นแฉะ
ไม่แช่น้ำหรือว่ายน้ำอยู่นานๆ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรป้องกันโดยแต่งกายให้รัดกุม
เช่น สวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำ
รีบล้างทำความสะอาดผิวหนัง
ขาและเท้าที่ย่ำน้ำมาให้สะอาด เช็ดให้แห้งทุกครั้ง
หลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังที่มีแผลหรือรอยถลอกต้องสัมผัสกับน้ำท่วมขังหรือพื้นที่ชื้นแฉะ
ควรใช้ปลาสเตอร์กันน้ำปิดแผล ใส่รองเท้ากันน้ำ ไม่ใช้น้ำที่ท่วมขังมาล้างแผล
ภายหลังการสัมผัสน้ำท่วมขังต้องรีบทำความสะอาดแผลให้สะอาด
ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้สะอาด
ควบคุมกำจัดหนู
และหลีกเลี่ยงอาศัยอยู่ใกล้บริเวณที่มีสัตว์เลี้ยงที่อาจเป็นพาหะของโรค
บริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ
ดื่มน้ำสะอาด ล้างผักผลไม้ให้สะอาด ล้างมือก่อนบริโภคอาหาร
แสดงความคิดเห็น